ในยุคที่ใครๆ หันมาปลูกต้นไม้กัน ฉันเป็นอีกหนึ่งคนที่อยากปลูกกับเค้าบ้าง (ใครๆ ก็อยากมีรูป instagram สวยๆ นี่นา) แต่ปัญหาคือเป็นคนมือร้อน ปลูกอะไรกับเค้าไม่ค่อยขึ้น จึงมักเป็นฝ่ายจัดหา(มาปลูก)มากกว่าจะเป็นฝ่ายดูแลให้งอกงาม แล้วก็ได้แต่ชื่นชมสีเขียวของคนรอบตัวแทน
การได้ปลูกต้นไม้เป็นการได้ดูสิ่งที่เราเฝ้ารักและดูแลเติบโตขึ้น ออกดอก ออกผล บางครั้งอาจจะมีใบเหลืองไปบ้าง แมลงกินบ้าง แต่ต้นไม้ก็เติบโตไปโดยมีเราที่สังเกตุและเรียนรู้อยู่ข้างๆ
มาลองคิดดูการปลูกต้นไม้ อาจจะไม่ต่างอะไรมากกับการเลี้ยงลูก ที่เราเฝ้าใส่ใจดูแล เติบโต และเรียนรู้ไปด้วยกัน
ลูกมักจะมีเหตุการณ์เล็กๆ ชวนยิ้มให้เราได้เสมอ อย่างล่าสุดที่ครูให้ผงแป้ง วัสดุธรรมชาติ (พวกลูกสน ใบไม้ กิ่งไม้แห้ง) และบัตรตัวอักษรมา โดยที่คุณครูไม่ได้เขียนบอกมาว่าแป้งนั้นเอาไว้ทำอะไร แต่มีรูปตัวอย่างการเอาวัสดุธรรมชาติมาเรียงเป็นตัวอักษร (อันที่จริงครูก็ส่ง instruction มาให้ทาง application น่ะแหละแต่แม่ยังไม่ได้ดู)
พอลจัดแจงบอกพี่เลี้ยงว่าแป้งนั้นเอาไว้ทำกาว (แป้งเปียก) พอลกับพี่ภาจึงจัดแจงผสมแป้งกับน้ำเอาขึ้นตั้งไฟและกวน กวนเท่าไหร่ก็ไม่เหนียวซะที พอลเลยตัดสินใจเติมกาวลาเท็กซ์ลงไปซะเลย เสร็จสรรพก็เอามาแปะวัสดุธรรมชาติทำเป็นตัวอักษร A B C
ตอนเย็น ฉันมีเวลาได้ดู app ที่ครูใช้สื่อสาร ก็มาถึงบางอ้อ…ว่าแป้งนั่นสำหรับทำแพนเค้ก และก็ถึงบางโอ้ว… ว่าลูกชั้นเอาไปทำแป้งเปียกด้วย
เห็นดังนั้นก็เลยส่งข้อความหาครูในความเปิ่นของบ้านเรา คุณครูก็ตอบข้อความมาอย่างน่ารักเชียว
ฉันรู้สึกว่าพอลโชคดีจังที่มีคุณครูที่มองโลกในแง่ดี และเชื่อว่าการเรียนรู้ของพอลจะไม่ถูกปิดกั้น แม่เองก็ได้เรียนรู้ที่จะให้โอกาสและขำไปกับความผิดพลาดได้ ขอบคุณความน่ารักและความรู้สึกดีๆ ที่ส่งพลังมาให้ในวันฟ้าหม่นวันนี้