ว่าด้วยฟริดาและผ้าปักเม็กซิกัน

papel
ผลงานตัด papel picado ชิ้นแรกที่ไปดาวน์โหลด template มาจาก Pinterest แล้วลองตัดตามดู

ยิ่งอายุมากขึ้นก็รู้สึกว่าตัวฉันผ่านประสบการณ์ต่างๆ นานามามากมาย แต่โลกแห่งความรู้นั้นมันช่างกว้างขึ้นเรื่อยๆ

ไม่รู้ว่าจะมีใครคิดเหมือนฉันไหมว่า อายุเท่านี้แล้วความรู้ในเรื่องบางเรื่องของเรานั้นมันแค่หางอึ่งจริงๆ (สำนวนนี้แทบจะบอกอายุคนเขียนได้เลยทีเดียว)

หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันได้ไป “เที่ยว” แบบออนไลน์ กับ GroundControl (to Major Tom … ไม่ใช่เพลง!) ได้เปิดหูเปิดตาและเพลิดเพลินไปกับสถานที่ต่างๆ ที่น่าสนใจในหลายประเทศ ซึ่งในบางประเทศนั้นฉันแทบไม่รู้จักอะไรเลย

หนึ่งในสถานที่ที่ฉันรู้จักแค่ผิวเผินมากๆ ก็คือ เม็กซิโก บ้านเกิดของศิลปินสาวชื่อก้องอย่างฟริดา คาห์โล ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ฉันรู้จักแค่ชื่อของเธอและภาพหญิงสาวคิ้วชนกัน และจำได้ว่าเมื่อครั้งทำงาน บริษัทเคยมีให้สมัครไปดูงานมูลนิธิของตนเองที่ซัพพอร์ตงานของชาวเม็กซิกัน

การได้ฟังคุณแพทและลูกทัวร์จาก LIVE ที่พาเราก้าวเข้าไปรู้จักชีวิตของฟริดา คาห์โล นั้นมันช่างเปิดหูเปิดตาฉันจริงๆ สีสันจัดจ้านของบ้านสีฟ้า (อดีตบ้านของฟริดาที่ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิทธภัณฑ์) เรื่องราวชีวิตอันมหัศจรรย์ของเธอผู้ผ่านความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ ไปจนถึงผลงานที่กลั่นออกมาบอกเล่าเรื่องราว ทำเอาฉันตาค้างนอนไม่หลับราวกับได้กระดก Ristretto 3 ช็อตติดๆ กันไปเลยทีเดียว

ฟริดาทำให้เห็นทางเลือกในชีวิตของคนเรา เลือกที่จะเศร้าหรือเลือกจะสร้าง

แม้วันนี้ฟริดาจะจากโลกนี้ไปกว่า 60 ปีแล้ว แต่ฉันยังมองเห็นพลัง ความกล้า ความเก๋ และความฮิปของเธอ ที่ทำให้รู้สึกได้ว่านี่แหละตัวจริง!

เรื่องของเธอ ทำให้ฉันสนใจใคร่ติดตามเรื่องของเม็กซิโกผ่านมุมมองของผู้หญิงอย่างคุณแพท โดยไปสอยหนังสือซินญอริต้าในชุดผ้ากันเปื้อน มาอ่านต่อให้แล้วใจ

ฉันเป็นคนรักงานคราฟท์และการทำ scrapbook มาก เมื่อได้มาเจอหนังสือซินญอริต้าฯ แล้วอยากกรี๊ด รู้สึกเหมือนเป็นหนังสือในฝันแบบที่อยากทำเลย เพราะสิ่งละอันพันละน้อยที่มากับหนังสือ มันคือประสบการณ์ฉันชอบที่คุณแพทบอกว่านี่ไม่ใช่ของแถม แต่เป็นส่วนประกอบของหนังสือ เพราะมันคือส่วนประกอบจริงๆ ที่ทำให้ประสบการณ์การอ่านมันครบและเต็มขึ้น

เรื่องราวในหนังสือชวนให้เห็นถึงมุมมองต่อคนในอีกซีกโลกหนึ่งที่เราแทบไม่รู้จัก แต่ดูไปดูมาก็มีอะไรบางอย่างคล้ายพวกเราอยู่ สิ่งนั้นเองไม่ใช่เชื้อชาติ ศาสนา แต่มันคือความเป็นมนุษย์ ความอารีย์มีน้ำใจ ผลประโยชน์ ความยากจน ความเป็นตัวของตัวเอง วัฒนธรรม และอีกหลายต่อหลายอย่าง ผสมผสานกันออกมาอย่างเข้มข้นแต่กลมกล่อม

แน่นอนว่าอ่านจบแล้วฉันอยากจะไปหยิบเสื้อลายปักแบบเม็กซิกันมาใส่แล้วนั่งตัดกระดาษ papel picado กันเลยทีเดียว

107017662_10158857512881995_4901907602894305234_n
ซินญอริต้าในชุดผ้ากันเปื้อนฉบับปกอ่อน

หนังสือซินญอริต้าในชุดผ้ากันเปื้อนมีขายที่เพจมาลาฤดูร้อนของคุณแพท ใครสนใจลองติดต่อไปดูนะ

welcome to the Loo

เดี๋ยวนี้มีไอเดียขายสินค้า และบริการสารพัดสารพัน

และหนึ่งในนั้นคือคอนเซ็ป “ร้านห้องสุขา” ที่นำเสนอห้องน้ำแสนสะอาด มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก (ตามที่ห้องน้ำชั้นดีควรจะมี) ราคาค่าบริการ 1 ยูโร สำหรับการใช้บริการ 1 ครั้ง และผู้ใช้จะได้รับคูปองมูลค่า 0.50 ยูโร สำหรับใช้ซื้อสินค้าในช้อปของ 2theloo ได้ด้วย

2theloo ร้านแรกเพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆ ที่ Amsterdam เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

หอมกลิ่นกาแฟ ที่ Monmouth

– ลาเต้ร้อนของฉัน, Monmouth Coffee, Covent Garden

หลังจากอ่าน blog ของเพื่อนเรื่องร้านกาแฟในฝัน ซึ่งเพื่อนบรรยายไว้จนฉันเคลิบเคลิ้ม ก็เกิดอาการคันปากอยากเล่าถึงร้านกาแฟที่ประทับใจร้านหนึ่งค่ะ

ฉันไม่ใช่คอกาแฟตัวยง แต่ก็มีหลายต่อหลายครั้งที่นึกครึ้มอกครึ้มใจอยากดื่มกาแฟกับเค้าบ้าง

สิ่งที่ดึงดูดฉันเข้าร้านกาแฟหลายต่อหลายครั้งจึงไม่ได้มาจากรสขมกลมกล่อมของเจ้าเมล็ดกาแฟ แต่กลับเป็นกลิ่นหอมอบอวลและความรู้สึกอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากร้านกาแฟร้านนั้นๆ

ด้วยความที่ไม่ได้เป็นผู้เชียวชาญทางด้านร้านกาแฟ ร้านที่อยากแนะนำร้านนี้จึงเป็นร้านที่ฉันชอบเป็นการส่วนตัวล้วนๆ และขอเน้นว่าไม่เหมาะกับการนั่งจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์เท่าใดนัก

ร้าน Monmouth Coffee เป็นร้านกาแฟร้านดัง (มาก) ที่ติดโผหนึ่งในร้านกาแฟที่ดีที่สุดในลอนดอน อ่านมาดังนั้นแล้ว ฉันก็เกิดอาการอยากไปเยือนขึ้นมาถนัดใจ ใครเค้าว่าดี ฉันขอรี่ไปดูด้วยตา ก่อนจะมาเล่าสู่กันฟังค่ะ

หลังจากที่เดินวนเวียนเข้าร้านนั้นออกร้านนี้อยู่ที่ย่าน Covent Garden ฉันและน้องก็เห็นสมควรหาที่พักขากันก่อนจะเดินดุ่มกันต่อ ไหนๆ ฉันก็เคยได้ยินคำร่ำลือเกี่ยวกับ Monmouth มาแล้ว เลยสบโอกาสแวะสักหน่อย

เบื้องหลังบาริสตา, Monmouth Coffee, Covent Garden

ร้านขนาดกะจิริดตกแต่งเรียบง่าย แต่อบอุ่นด้วยพื้นไม้และโต๊ะไม้ที่ให้อารมณ์ rustic เข้ากับบุคลิกเงียบขรึม จริงใจ และตรงไปตรงมา (จินตนาการของฉันเอง ^ ^) เราได้โต๊ะเล็กๆ ที่ค่อนข้างแคบแม้สำหรับสาวเอเชียตัวกะจิริดอย่างเรา 2 คน ฉันแอบสงสัยว่าพี่ฝรั่งตัวใหญ่ๆ จะนั่งได้เร้อ

ฉันสั่งลาเต้ร้อนมา 1 ถ้วย รอแป๊บเดียวลาเต้ที่สั่งก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะค่ะ กาแฟของฉันมาในถ้วยใหญ่ทีเดียว และแถมคุณบาริสต้ายังวาดลวดลายสวยเก๋ลงบนฟองนมเสียด้วย กาแฟของเค้ารสชาติกลมกล่อม หอมกำลังดี นั่งละเลียดกาแฟไป ชมบรรยากาศร้านที่คึกคักไป รู้สึกได้ถึงความมีชีวิตชีวาของร้านนี้จริงๆ จนต้องยกตำแหน่งร้านกาแฟที่ประทับใจให้เลยค่ะ

Official Website (ตอนนี้ under construction อยู่นะคะ)

คิดจะพัก คิดถึง Kit Kat

แม้จะไม่ได้เป็นแฟนตัวยงขนมขบเคี้ยว แต่ฉันก็รู้สึกว่าประโยคฮิตของเวเฟอร์เคลือบช็อกโกแลต “คิดจะพัก คิดถึง kit kat” นี่ขึ้นแท่นก๊อปปี้คลาสสิกได้ทีเดียว

เวลาฉันอยากจะพักทีไร ประโยคนี้ก็จะแว่บเข้ามาในหัวทันที คิดจะพักปุ๊บ คิทแคทก็ลอยเข้ามา แม้จะไม่ได้อยากกินเวเฟอร์เคลือบช็อกโกแล็ตเลยแม้แต่น้อย

คิทแคทบ้านเราอาจไม่มีวาไรตี้อะไรมากนัก ที่คุ้นตาที่สุดก็เห็นจะเป็นรสช็อกโกแล็ตในแพคแกจสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ เคยเห็นแบบไวท์ช็อก และรสอื่นๆ มาขายบ้าง แต่ดูจะไม่ฮิตเท่าไหร่

แต่ถ้าใครเป็นแฟนคิทแคทล่ะก็ต้องกรี๊ดกับคิทแคทจากแดนพี่ยุ่นแน่นอน ใครๆ ก็รู้ว่าญี่ปุ่นเค้าขยันคิด ขยันทำผลิตภัณฑ์มาดึงดูดเงินจากกระเป๋าสตางค์ใบน้อยของพวกเรามากแค่ไหน

คิทแคทญี่ปุ่นล่าสุดที่ได้รับมาคือ อิชิโงะ มิรุกุ หรือ milk strawberry ที่มาพร้อมแพคเกจรูปหมีรีแล็กซ์ rilakkuma (แหม ชื่อเจ้าหมี relax ยังไปพ้องกับการพักผ่อนอีกนะเนี่ย) น่ารักน่าชังจนไม่อยากจะแกะ

ก่อนหน้านี้ก็มีคิทแคทรอยัลมิลค์ที คิทแคทรสเชอรี่ คืทแคทมิกซ์ฟรุ๊ต คิทแคทเมล่อนและคิทแคทถั่วแดงจากฮอกไกโด ฯลฯ

ฉันว่านอกจากเราจะได้ตื่นเต้นกับรสชาติใหม่ๆ แล้ว บรรดาคิทแคทลิมิเตดหลากหลายเหล่านี้ยังทำให้เราได้รู้ถึงความนิยมในขณะนั้นๆ รวมถึงของขึ้นชื่อของแต่ละภูมิภาคไปในตัวอีกทางหนึ่งด้วย  ^_^

อยากให้คนไทยเล่นกีฬาสี

อยากให้คนไทย เล่นกีฬาสี

สีแดงก็ดี สีเหลืองก็ได้

เล่นตามกติกา ไม่ว่าอะไร

แต่ขอให้ใช้ น้ำใจนักกีฬา

อยากให้รู้แพ้ และรู้อภัย

เล่นแล้วจบไป ไม่มีค้างคา

อย่ามีรุนแรง แบ่งแยกเลยหนา

อยากให้หันมา ปรับความเข้าใจ

อยากให้คนไทย เล่นกีฬาสี

จบเกมแล้วมี แต่ความเข้าใจ

อย่าดันทุรัง สร้างความเสียหาย

เพราะว่าสุดท้าย เราไทยด้วยกัน

ช่วยกัน

ขอพักจาก London A to Z สักนิด เพื่อประชาสัมพันธ์ โครงการเล็กๆ ที่พวกเราทำขึ้นเพื่อช่วยเหลือเพื่อนของเราที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งโพรงจมูกค่ะ

เพื่อนๆ พี่ๆ ได้คิดทำเสื้อยืดและกระเป๋าผ้าขึ้นมาขายเพื่อนำรายได้ไปช่วยเป็นค่ารักษาพยาบาลของน้อง X เพราะการรักษามะเร็งจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนค่อนข้างมาก ค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งก็ได้จากประกันสังคม แต่ก็ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นอีก

หากใครสนใจช่วยเหลือ ทางทีมก็มีเสื้อยืดและกระเป๋าผ้าให้ช่วยสั่งซื้อกันได้ โดยเงินที่ได้ทั้งหมด (ไม่หักค่าใช้จ่าย) จะใช้เป็นทุนในการรักษาน้อง X หากเรามีเงินเหลือจากการรักษาน้อง X ให้หายแล้ว เราจะบริจาคเงินให้แก่มูลนิธิโรคมะเร็งโรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์ค่ะ

เสื้อยืด มีให้สั่งจองตาม size ที่ต้องการ ในราคาตัวละ 180 บาท (ยกเว้น size XXL ราคา 230 บาท) มีให้เลือก 2 แบบ (เป็นแบบกราฟฟิกที่ทางทีมได้เลือกมาค่ะ)

t shirt

ส่วนใครที่สนใจถุงผ้า จะมีเป็นถุงผ้ามีข้อความว่า “once you choose hope, anything’s possible” ราคาใบละ 200 บาท

untitled2

อ่านข้อมูล update เพิ่มเติมได้จาก blog ของวิชัย ผู้เขียน สิ่งมีชีวิตในโรงแรม :) (โฆษณาแฝง ฮ่า ฮ่า)

รายละเอียดสั่งซื้อโดยสังเขป:

– ส่ง e-mail ไปที่ mailfortshirt@gmail.com แจ้งสินค้าที่ต้องการ

– โอนเงินชำระค่าสินค้าที่ธนาคาร UOB ชื่อบัญชีนายวิทยา ภู่พิพัฒน์ เลขที่บัญชี 094-2-25110-9 แล้ว e-mail แจ้งการโอนเงิน โดยระบุวันที่โอน เวลาที่โอน สาขาตู้ที่โอน เบอร์บัญชีที่โอน และจำนวนเงินที่โอนค่ะ

เพียงแค่นี้ เราก็ได้ช่วยเหลือเพื่อนคนหนึ่งด้วยกัน แม้คุณอาจจะไม่ได้รู้จัก X เป็นการส่วนตัว แต่เชื่อว่าการได้ช่วยเหลือคนอื่นนั้นเป็นความสุขอย่างหนึ่งนะคะ แถมได้เสื้อ และกระเป๋าเก๋ๆ ไปเป็นของขวัญแทนคำขอบคุณด้วย ^ ^

ps ชื่อ X นี่เป็นชื่อเล่นของน้องเค้าจริงๆ ไม่ได้เป็นชื่อสมมติ ประเภท Mr. X แต่อย่างใด

ห่อหุ้ม

photo

ฉันเป็นพวกชอบสะสมกระดาษ บรรดาถุง กระดาษห่อของขวัญ โปสการ์ด โปสเตอร์ โบรชัวร์ ตั๋ว กระดาษโน๊ต ฯลฯ จึงนอนรวมกันอัดแน่นอยู่ทุกซอกทุกมุมในห้อง

เวลาที่จะเคลียร์ของแต่ละที จึงมีอาการรักพี่เสียดายน้องอยู่เสมอ ไม่ต่างอะไรกับคุณลุงคุณป้านักเก็บ (ขยะ) ที่เคยดูในรายการทีวีญี่ปุ่น

แต่บางครั้งของที่เราสู้อุตส่าห์เก็บไว้ให้รกบ้าน ก็มีประโยชน์อยู่เหมือนกัน ล่าสุดฉันจึงมีโอกาสเอาถุงขนม Hato Sabure รูปนกน้อย ที่มาพร้อมกับบิสกิต (サブレ) รูปนก ของฝากยอดนิยมจากคามาคุระ มาเป็นถุงของขวัญ แถมยังได้ gift tag เก๋ๆ รูปวงกลมที่แถมมาในกล่อง (ไม่รู้จริงๆ ว่าเค้าเอาไว้ใช้ทำอะไร แต่ฉันจัดแจงเอามาเจาะรูทำเป็น gift tag ไปซะ)

ว่าแล้วก็รู้สึกดีที่ได้เอาของที่เก็บมากว่าปีมา RE-USE เสียครั้งหนึ่ง :-)

Whimsical World of Mr Walker

ฉันรู้จักคุณทิม วอร์คเกอร์ ช่างภาพชาวลอนดอน ครั้งแรกจากภาพถ่ายชวนฝันของเขาในหนังสือ Vogue

สะดุดตากับภาพถ่ายสีพาสเทลหวานๆ กับธีมที่ชวนฝันไม่แพ้กัน ราวกับท่องอยู่ในโลกของนิทานอลิสในแดนมหัศจรรย์ เจ้าหญิงจากแดนไกล และดินแดนเทพนิยายสารพัน

แสงสวยๆ จากธรรมชาติกับสีสันของเสื้อผ้า สิ่งของประกอบฉาก และความใส่ใจในรายละเอียดประสานกันอย่างลงตัว ออกมาเป็นผลงานแสนสวย ^_^

สัมผัสโลกฝันที่สร้างจากมือมนุษย์…อย่างคุณทิม วอร์คเกอร์ ได้ที่นี่

Tim Walker Pictures ที่ Design Museum (London)

i.e. หรือ e.g.

i.e. e.g.

หลายต่อหลายคนที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารมักจะมีจุดอ่อนบางอย่างเกี่ยวกับการสะกดคำหรือเลือกใช้คำศัพท์ที่ถูกต้อง

ยกตัวอย่างง่ายๆ คนใกล้ตัวของฉันมักมีปัญหากับคำว่า through, though และ thought ประเภทเขียน อ่านสลับกันไปหมด งงอยู่อย่างนี้ ไม่ว่าจะบอกไปกี่ครั้งว่าอะไรใช้ยังไง ก็ยังงงไม่เลิก

ล่าสุด ฉันไปลอง search หาความแตกต่างระหว่าง i.e. กับ e.g. เพราะตัวเองมักใช้สลับกันไปเรื่อยตามอำเภอใจ หารู้ไม่ว่าสองตัวนี้มีความหมายต่างกัน

ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วเอามาแบ่งปันความรู้กันที่นี่แล้วกันนะคะ

ทั้ง i.e. และ e.g. นี้เป็นอักษรย่อ (abbreviation) มาจากภาษาละติน แต่ความหมายและการใช้ไม่เหมือนกันค่ะ (ที่ฉันเล่นใช้สลับกันไปมา ก็จึงเป็นการใช้ที่ผิดหลัก)

i.e. นั้นมาจากคำว่า id est หรือเป็นภาษาอังกฤษว่า that is หรือ in other words เป็นการขยายความให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น

I’m going to the place where I work best, i.e., the coffee shop. หมายความว่า ฉันจะไปที่ที่ฉันทำงานได้ดีที่สุด (ประมาณว่ามีสมาธิมากที่สุด ชอบมากที่สุดเวลาจะนั่งทำงาน ฯลฯ) นั่นก็คือร้านกาแฟ ดังนั้น คำว่า the place where I work best ก็คือ the coffee shop นั่นเอง

แต่สำหรับ e.g. นั้นมาจาก Exempli Gratia หรือ for example ใช้เป็นการยกตัวอย่าง เช่น 

At the places where I work well, e.g., Starbucks, I have none of the distractions I have at home. หมายความว่า สถานที่ที่ฉันชอบไปนั่งทำงาน (ร้านกาแฟ) ตัวอย่างเช่น ร้านสตาร์บัคส์ (สตาร์บัคเป็นหนึ่งในร้านกาแฟหลายๆ ร้านที่ฉันชอบไปนั่งทำงาน) เป็นที่ที่ฉันมีสมาธิดี (ไม่มีสิ่งรบกวน เหมือนอย่างที่บ้าน)

ลองใช้ดูนะคะ ^_^